ข้อ หาเป็นแม่ข่ายเว็บไซต์หลายแห่งให้บริการขายฝากเสนอจำหน่ายแผ่นวีซีดีและ ดีวีดีภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์ นาฬิกาและกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดังจำนวนมาก อาทิ โรเล็กซ์ โอเมก้า แท็กฮอยเออร์ หลุยส์วิตตอง แชเนล กุซซี่ พราด้า ทั้ง ๆ ที่เพิ่งประเดิมธุรกิจ "แฟรนไชส์ดอทคอม" เจ้าแรก
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 25 ก.ค. พ.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี ผกก.1 บก.ปศท.สั่งการให้ พ.ต.ต.กฤษณะ พัฒนเจริญ สว.กก.1 บก.ปศท.นำกำลัง พร้อมหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ที่ 690/2550 เข้าตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ของบริษัท ตลาดดอทคอมซึ่งกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ พ.ศ.2537 และ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ยึดได้ที่ชั้น 10 อาคารไทยซัมมิตทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.1 บก.ปศท.สืบทราบว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแม่ข่ายของบริษัทดังกล่าวได้เปิดให้ บริการฝากเว็บไซต์ต่าง ๆ ประกอบด้วย http://www.brandberryshop.com/ http://www.jeng1515.com/ http://www.magic-brand.com/ http://www.manyshopping.com/ http://www.taiwatch.com/ http://www.clubnumber8.com/ http://www.taradwatch.com/ http://www.dvdsmarket.com/ http://www.seriesdoom.com/ และ http://www.paradisoved.com/
เสนอ จำหน่ายแผ่นวีซีดีและดีวีดีภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ และเสนอจำหน่ายสินค้าประเภทนาฬิกาและกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมเครื่องหมายการ ค้ายี่ห้อดังจำนวนมาก อาทิ โรเล็กซ์ โอเมก้า แท็กฮอยเออร์ หลุยส์วิตตอง แชเนล กุซซี่ พราด้า ฯลฯ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ชุดจับกุมอยู่ระหว่างขยายผลติดตามจับกุมเจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยว ข้องกับการกระทำความผิดต่อไป
ทั้งนี้เว็บไซต์ตลาดดอทคอมเป็นเว็บที่ช่วย ส่งเสริมการเติบโตแก่การประกอบธุรกิจออนไลน์ ปีที่ผ่านมา การซื้อ-ขายในตลาดออนไลน์ไทยมีมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท เฉพาะเวบไซต์เครือตลาดดอทคอมเกือบ 200 ล้านบาท มีผู้เปิดร้านขายสินค้าออนไลน์กว่า 8 หมื่นร้าน คิดเป็นยอดเติบโตของบริษัทมากกว่า 100%
ล่าสุดบริษัทที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ตลาดดอทคอมประกาศรุกธุรกิจแฟรนไชส์ สร้างเครือข่ายร้านค้าออนไลน์ผ่านเวบไซต์ http://www.taradfranchise.com/ ให้ผู้ประกอบการแต่ละภูมิภาคเป็นตัวแทนจำหน่ายเวบไซต์ค้าปลีกสำเร็จรูป เสมือนเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านอี-คอมเมิร์ซด้วยตัวเอง เพื่อกระจายการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) ไปทั่วประเทศ
ขณะที่รูปแบบธุรกิจนี้ บริษัทให้ผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกตลาด ดอท คอม เพื่อรับสิทธิเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลูชั่นสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์ให้แก่ ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั่วทุกภูมิภาค โดยมีค่าธรรมเนียมซื้อสิทธิแฟรนไชส์ รวม 49,900 บาท และค่าธรรมเนียมอีกปีละ 1 หมื่นบาท โดยจำกัดให้มีแฟรนไชส์ทั่วประเทศ 235 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 10 ราย และต่างจังหวัดๆ ละ 3 ราย ป้องกันปัญหาตลาดซ้อนทับ แต่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ขอขยายพื้นที่ให้บริการลูกค้าได้ คาดว่า ปีนี้จะมีลูกค้าแฟรนไชส์ 100 ราย
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ครบ 1 สัปดาห์แล้วที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550ประกาศใช้ ซึ่งมีผลกระทบต่อวงการอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไป แต่แนวทางปฏิบัติยังไม่ชัดเจน ดังนั้น กองบก."กรุงเทพธุรกิจ" ได้จัดเวทีเสวนา "ผลพวงพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550" ขึ้น ซึ่งมีตัวแทนของภาคส่วนต่างๆ ซึ่งล้วนต้องเกี่ยวพันต่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ในแง่มุมต่างๆ แสดงความเห็นที่น่าสนใจ
ภาคเอกชน ที่ประกอบด้วย ผู้ประกอบการร้านอินเทอร์เน็ต (เน็ต คาเฟ่) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ผู้บริหารเวบไซต์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ และนักกฎหมาย ต่างเห็นตรงกันว่า กฎหมายที่ออกมาเป็นสิ่งดีที่จะทำให้เกิดสังคมอินเทอร์เน็ตแบบสะอาด
หากไอซีทีต้องออกกฎระเบียบ หรือวางหลักเกณฑ์การปฏิบัติที่ชัดเจน ง่ายต่อการปฏิบัติ ไม่สร้างความสับสน หรือทำให้เกิดภาวะลักลั่นทางปฏิบัติ จนทำไปสู่ "ไปลาใหญ่ กินปลาเล็ก" ที่ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่ไม่ได้ รวมทั้งผู้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดต้องล้มหายตายจากไป เหลือไว้แต่ผู้จ้องจะกระทำผิด ซึ่งไอซีทีได้รับข้อคิดเห็นไป และยืนยันว่า มีกฎหมายดีกว่าไม่มี
ต้องกำหนดข้อมูลจัดเก็บชัดเจน
นาย บัณฑิต ว่องวัฒนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ (ไอเอสเอสพี) กล่าวว่า การมีพ.ร.บ.นี้จะป้องกันความสับสน แต่ห่วงเรื่องการจัดเก็บข้อมูลว่า จะต้องจัดเก็บอะไรบ้าง และข้อมูลที่จัดเก็บน่าจะอยู่ในวิสัยที่ทำได้
การจัดเก็บจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ บุคคล หรือโฮมยูส ที่กระทบไอเอสพีโดยตรง หากตั้งสมมติฐานว่า ต้องเก็บข้อมูล โดยต้องบอกว่า ปลายทางคือใคร หมายถึงอะไรบ้าง ที่อยู่ ชื่อ นามสกุล ที่ถูกต้อง และมีหน้าที่ต้องตรวจสอบว่า คนๆ นี้เป็นบุคคลที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในหลักการจริงจะยากมากที่จะทำได้
อีกส่วนคือ องค์กร ที่ไอเอสพีต้องพยายามประชาสัมพันธ์ต่อผู้ซื้อที่นำไปให้บริการภายในองค์กร ต่อ ซึ่งองค์กรนั้นๆ ก็ต้องจัดเก็บข้อมูลการจราจรด้วย แต่กรณีติดขัดอะไรไอเอสพีก็ต้องติดตามให้ความช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน ไอเอสพีก็ต้องเก็บล็อก ดาต้า อย่างถูกต้องของบริการเมล และเวบ โฮสติ้ง และให้ข่าวสารข้อมูลออกไป ฉะนั้น ต้องปรับตัวเรื่องการเก็บข้อมูลมากขึ้น และออกบริการบางอย่างให้ลูกค้าที่มีโฮสติ้ง และใช้เมลต้องจัดเก็บข้อมูลเชิงลึก
"ไอเอสพีสบายใจที่มีกฎหมายนี้ออกมา ซึ่งจะทำให้ง่ายขึ้นกรณีมีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง บอกว่าให้ปฏิบัติตามดังนี้...ซึ่งถ้าการสืบสวนสอบสวนยังเป็นของตำรวจ เอาจริงแล้วจะเป็นอย่างไร ทางปฏิบัติแล้ว ตำรวจทุกท้องที่ ก็ต้องทำหน้าที่อื่นๆ อยู่แล้ว ทางปฏิบัติจะเป็นไปได้หรือ และก็ไม่มีใครไม่อยากเก็บล็อก แต่ปัญหาอยู่ที่ภาครัฐไม่ออกกฎระเบียบชัดเจนว่า เป็นหน้าที่ และเขาเองก็ต้องอยู่รอด ไม่มีกำลังจะเก็บ" นายบัณฑิต กล่าว
ต้องมีมาตรฐาน-ไม่ละเมิดสิทธิ
ดัง นั้น เมื่อโครงสร้างไม่ชัดเจน ก็เลยไม่มีใครทำ ซึ่งการบอกผู้ให้บริการต้องทำหนึ่ง สอง สาม สี่ แต่ไม่มีวิธีการตรวจสอบ ก็จะเหมือนธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่เผชิญปัญหาปลาใหญ่กินปลาเล็ก ที่สุดแล้ว เมื่อทางปฏิบัติไม่ชัดเจน กฎหมายนี้จะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ อยู่ไม่ได้
ขณะเดียวกัน ต้องระวังเรื่องการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ส่วนของสมาคมไอเอสพี ห่วงใยเรื่องการขอข้อมูลระดับไหน อย่างไร เช่น ล็อกไฟล์ แอ็คเซ็ส ล็อก เป็นใคร เข้ามาใช้เวลาไหน ซึ่งเริ่มมีหน่วยงานรัฐร้องขอมา แต่จะให้ได้แค่ไหน จะละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลแค่ไหน ซึ่งด้านเทคนิคก็มีอุปกรณ์ตัวหนึ่งเข้าไปล้วงข้อมูลได้ แต่เป็นประเด็นที่กรรมการตำรวจไซเบอร์ต้องพิจารณาด้วย
"ขอให้บอกสแตนดาร์ดที่ให้ทำมา จะควบคุมผู้ใช้ และผู้ให้บริการตรงไหน ไม่ใช่หลักการที่มักสวยหรูตลอดเวลา" นายบัณฑิต กล่าว
ต้องมีคุณธรรม
นาย วันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้งเวบไซต์พันทิปดอทคอม กล่าวว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องกำหนดมาตรฐานด้านคุณธรรมไว้ด้วย จากก่อนหน้านี้ไม่เคยมีกฎหมายลักษณะนี้มาก่อน เมื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ และระบุมาตรฐานเทคโนโลยีแล้ว ก็ต้องคำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรม เพราะการจับกุมดำเนินคดีกับคนดีทำได้ง่าย แต่กับผู้ที่ตั้งใจกระทำความผิด ย่อมมีการเตรียมการไว้อยู่แล้ว สุดท้ายจะสืบหาได้ยากมาก
พร้อมเสนอให้แก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะให้ยกเลิกมาตรา 14, 15 และ 16 ที่เป็นการกำหนดรูปแบบการกระทำที่ผิดตาม พ.ร.บ.นี้อยู่เพียงบางกรณีเท่านั้น ไม่ครอบคลุมความผิดอื่นๆ ที่ทำโดยคอมพิวเตอร์ไว้ด้วย อาจทำให้เกิดช่องว่าง คือ มีการกระทำผิด แต่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้ รวมไปถึงกฎกระทรวงที่จะนำมาใช้ประกอบ พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังเป็นเพียงแค่ร่าง ที่ยังมีบางข้อที่ไม่ชัดเจน
ส่วนการเก็บล็อกไฟล์ของผู้ใช้บริการนั้น พันทิปดำเนินการเรื่องนี้มาอยู่แล้ว แต่บางข้อกำหนดที่อยู่ในร่างกฎกระทรวงระบุว่าผู้ให้บริการต้องมีระบบควบคุม ชั้นความลับ รวมถึงข้อมูลล็อกไฟล์ จึงทำให้คิดได้ว่า ผู้ให้บริการจะต้องมีภาระเพิ่มที่ต้องหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลระบบตรงนี้ ด้วย กระนั้นก็ตาม หลังจากนี้ จะเร่งประชาสัมพันธ์ภายในเวบให้ผู้ใช้ได้รับทราบ รวมไปถึงการนำนักฎหมายมาพรีเซ้นท์ให้สตาฟฟ์ของพันทิปได้พร้อมมากขึ้น
"พ.ร.บ.ฉบับนี้ อาจมีส่วนทำให้เวบเล็กๆ เกิดขึ้นได้ลำบาก เพราะต้องเก็บล็อกไฟล์ ซึ่งต้องใช้เงินทุน ที่สำคัญโดยธรรมชาติของอินเทอร์เน็ตเวบเล็กๆ เหล่านี้ มักเป็นเวบที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา แต่พอมีพ.ร.บ.นี้เกิดขึ้นก็อาจจะไปสร้างข้อจำกัดให้เวบเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ลำบาก" นายวันฉัตร กล่าว
ไอซีทีชี้ทุกฝ่ายต้องรับภาระ
นาย สันติ โภไคยอุดม ที่ปรึกษากฎหมาย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวงไอซีทีพร้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่ายเพื่อประกอบการออกกฎกระทรวงและ ประกาศกระทรวง ตอนนี้ พ.ร.บ.ได้ประกาศใช้และมีผลบังคับใช้แล้ว ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่ามีภาระเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากจนทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไม่ได้ หากเปรียบกับต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา กำหนดให้เก็บล็อกไฟล์ 5 ปี ซึ่งด้านหนึ่งจะช่วยให้มีหลักเกณฑ์ดำเนินการกับผู้กระทำผิด บังคับให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ด้านลบน้อยลง
ขณะที่ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ ต้องรู้ว่าการกระทำใดบ้างที่ผิดกฎหมาย เช่น การจะส่งต่อเมล (Forward Mail) ถ้าเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็ไม่ควรทำ และต้องดูความผิดตาม พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายอาญามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เพราะ พ.ร.บ.นี้ช่วยให้ดำเนินคดีอาญาได้ง่ายขึ้น ถ้ามีการกระทำดังกล่าวบนคอมพิวเตอร์ ก็ถือว่าต้องรับโทษเช่นกัน
ทั้งนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่ จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย การจะขอข้อมูล หรือทำการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ ต้องขออำนาจากศาลก่อนดำเนินการ ทำให้ผู้ให้บริการ ตั้งแต่ไอเอสพี ถึงร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งกรณีที่หน่วยงานใดๆ ของภาครัฐขอข้อมูลจากการเก็บข้อมูลการจราจรบนอินเทอร์เน็ตมา ก็ต้องอ้างถึงขอบเขตของกฎหมายใด ไม่ใช่ต้องให้ข้อมูลแก่ทุกหน่วยงานที่ร้องขอโดยไม่มีเหตุผลสมควร
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ตัวกฎหมายน้อยมาก เพราะติดปัญหาระบบราชการที่การพิจารณาอนุมัติใช้เวลานาน หรือการขอเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้มา 3 อัตรา แต่กระทรวงก็เตรียมขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ตำรวจ เพื่อแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าเบื้องต้นจะมีจำนวนทั้งสิ้น 30 - 40 คน
พร้อมกันนี้ จะจัดฝึกอบรมทั้งหลักสูตรเร่งรัด และหลักสูตรปกติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน ซึ่งจะเริ่มจากเจ้าหน้าที่ที่รู้ด้านเทคโนโลยีก่อน คาดว่าจะสรุปได้ภายในสัปดาห์หน้า |