เจรุชา แอบบอท เป็นเด็กกำพร้าที่โตที่สุดในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจอห์น กรีเออร์ คือเธอมีอายุ 17 ปี โดยทุกวันพุธแรกของทุกเดือนเธอจะต้องทำงานบ้านทุกอย่างในสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ เช่น กวาดพื้น ถูพื้น รวมถึงการช่วยคุณลิปเปทซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กดูแลเด็กกำพร้าที่ยังเล็กอยู่ วันหนึ่งคุณลิปเปทได้เรียกเจรุชาไปหาและบอกว่าโดยปกติแล้วเด็กกำพร้าในสถานเลี้ยงเด็กนั้นเมื่อมีอายุครบ 16 ปีเด็กจะต้องไปจากที่นี่ แต่เจรุชาได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เธอเรียนจบจากโรงเรียนของเราเมื่ออายุ 14 ปี และทำคะแนนได้ดีมาก จนที่ประชุมได้ตกลงที่จะให้เธอได้เรียนต่อขั้นเตรียมอุดม
แต่ตอนนี้เธอก็เรียนจบแล้วเธอไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้แต่มีข้อแม้คือมีคนจะขออุปการะเธอให้ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยต่อโดยที่ไม่บอกเจรุชาว่าคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร โดยบอกแต่ว่าเป็นผู้ชายที่รวยมากและเจรุชาก็ได้เห็นแค่เงาของเขาในตอนที่เขามาเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กโดยเห็นแค่เป็นผู้ชายตัวสูงๆเท่านั้นและก็จะส่งเงินจำนวนหนึ่งที่มากพอสมควรให้เธอได้ใช้โดยแลกกับการให้เธอเขียนจดหมายถึงคนอุปการะเธอเป็นการตอบแทนโดยวางแผนส่งเธอไปเรียนเพื่อเป็นนักเขียน
เจรุชาได้เขียนจดหมายถึงคนอุปการะเธอตั้งแต่เธอเริ่มเดินทางไปเรียนเลยโดยเธอขอเรียกคนที่อุปการะเธอว่าคุณพ่อขายาวเนื่องจากการเป็นคนที่ตัวสูงของเขาเธอเล่าถึงบรรยากาศในมหาวิทยาลัย หอพักที่เธอพักอยู่ เพื่อนๆที่พักอยู่ชั้นเดียวกันเธอมักจะเห็นคนอื่นคิดถึงบ้านเสมอแต่เธอไม่เคยที่จะคิดถึงบ้านของเธฮซึ่งเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยและเธอก็เริ่มชอบมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็มีปัญหาในการเรียนบ้างแต่เธอก็เรียนได้ดีไม่น้อยหน้าคนอื่นๆและมีปัญหากับเพื่อนๆคนที่ชอบคิดว่าตนเองวิเศษกว่าคนอื่นๆ
และที่นี่เองที่เจรุชาก็ได้ชื่อใหม่ที่ทุกคนเรียกคือ จูดี้ ซึ่งเธอชอบมากกว่าชื่อเดิมเพราะคุณลิปเปทตั้งชื่อเจรุชามาจากสมุดโทรศัพท์และแอบบอทมาจากป้ายชื่อที่หลุมฝังศพ โดนตลอดเวลาที่จูดี้เขียนจดหมายถึงคุณพ่อขายาวเธอไม่ได้รับจดหมายตอบกลับเลยแต่เธอมักจะได้สิ่งของกลับมามากกว่า เช่นเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ เธอได้ประสบการณืใหม่ๆในการเรียนมหาวิทยาลัยมากมายได้อ่านหนังสือต่างๆที่เธอไม่มีโอกาสได้อ่านมาก่อนเช่น ซินเดอเรลล่า เชอร์ล็อค โฮล์มส์ และเมื่อถึงเทศกาลคริสมาสต์เธอก็ได้จัดงานเลี้ยงกับเพื่อนๆและได้รับของขวัญเป็นเครื่องประดับทอง 5 ชิ้นจากคุณพ่อขายาว
และในช่วงใกล้สอบจูดี้ก็ได้พบกับคุณเจอร์วิส เพ็นเดิลตันซึ่งเป็นลุงของเพื่อนเธอที่แวะมาเยี่ยมหลานได้พูดคุยและดื่มน้ำชากับเธอและเธอรู้สึกถูกชะตากับเขา และในช่วงปิดเทอมเธอก็ได้ไปเที่ยวฟาร์มที่เป็นของคุณเจอร์วิสซึ่งยกให้กับคุณนายเซ็มเปิลที่เป็นพยาบาลเก่าของเขาเป็นคนดูแลและตลอดเวลาที่เธออยู่ที่ฟาร์มเธอมีความสุขมากพอขึ้นปี 2 เธอก็ได้รับรางวัลเรื่องสั้นและเริ่มมีคนมาชอบเธอชื่อจิมมี่และเขาได้ชวนเธอไปเที่ยวที่บ้านของเขาในช่วงปิดเทอมแต่คุณพ่อขายาวไม่อนุญาตซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม?และเธอกลับต้องไปเที่ยวที่ฟาร์มแทนและได้รับข่าวดีคือคุณเจอร์วิสจะมาพักผ่อนที่ฟาร์ม และเมื่อเธอได้พบคุณเจอร์วิสและเธอมีความสุขมากและได้ทำกิจกรรมต่างๆมากมายเมื่ออยู่ในฟาร์มกับคุณเจอร์วิส
เมื่อเธอกลับไปเรียนเธอก็เริ่มเขียนเรื่องสั้นต่างๆและส่งไปที่นิตยสารและได้รับพิจารณาให้ตีพิมพ์ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 50 เหรียญและเธอก็ได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 2 ปีแต่คุณพ่อขายาวกลับไม่ให้เธอรับทุนนั้น วันหยุดฤดูร้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จูดี้ต้องเดินทางไปสอนภาษาอังกฤษและละตินให้กับลูกของนางชาร์ล แพตเตอร์สันโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 50 เหรียญต่อเดือน และใช้เวลาที่ยังพอมีเหลืออยู่ที่ฟาร์มและเธอก็ได้รับจดหมายจากจิมมี่ให้ไปเที่ยวกับครอบครัวของเขาและเธอก็ได้ไปโดยจดหมายห้ามของคุณพ่อขายาวที่มาช้าไปและเธอก็ได้รับจดหมายจากคุณเจอร์วิสว่าจะไม่มาเยี่ยมเธอที่ฟาร์มในหน้าร้อนนี้
เมื่อเธอกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นปีสุดท้ายเธอก็เรียนจบได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิตและเธอก็น้อยใจมากที่คุณพ่อขายาวไม่มางานวันรับปริญญาของเธอและเธอก็ได้เดินทางไปพักผ่อนที่ฟาร์มโดยจิมมี่แวะมาหาบ่อยๆและดีใจเมื่อคุณเจอร์วิสจะแวะมาหา
ไม่นานนักเธอก็ได้รับข่าวร้ายว่าคุณพ่อขายาวป่วยและเธอก็ได้เขียนจดหมายไปหาเขาและบอกว่าเธอรู้สึกรักคุณเจอร์วิสแต่เธอก็ได้ตอบปฏิเสธการขอแต่งงานกับเขาโดยเขาได้เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะเธอคิดจะแต่งงานกับจิมมี่แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แต่เป็นเพราะเธอไม่เคยเล่าชีวิตส่วนตัวให้เขาฟัง เขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าเธอเคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนและเธอเองก็ไม่อยากอธิบายให้เขาฟังว่าเธอเป็นใครและตอนนี้เธออยากจะอธิบายให้เขาได้ฟังและเธอก็ยิ่งทุกข์หนักเมื่อได้รบข่าวว่าคูรเจอร์วิสทำร้ายตัวเองโดยออกไปล่าสัตว์ฝ่าพายุตลอดคืนจนไม่สบายมาก
เวลาผ่านไป 2 เดือนเธอก็ได้รับข่าวว่าคุณพ่อขายาวต้องการพบเธอเธอก็ดีใจมากๆ เขาได้นัดพบเธอที่ฟาร์มและเมื่อเธอไปถึงก็พบว่าเขาไม่สบายอย่างหนักและได้รู้จากเลขาฯของเขาว่าเขาแอบหลงรกเธอมานานแล้วและเมื่อเธอได้เข้าไปเยี่ยมเขาก็ทำให้เธอได้รู้ความจริงว่าเขาคือคุณเจอร์วิสที่เธอหลงรักนั่นเองและทั้งสองก็แต่งงานกันอย่างมีความสุข