ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ 18.223.0.53 : 25-04-24 22:59:20   
หน้าแรก siam-shop.com ค้นหาร้านค้าสมาชิก
ชื่อสินค้า  
    หมวดสินค้าของเรา            
  
 
Notebook
กระเป๋า
กล้องถ่ายรูป
กวดวิชา ติวเตอร์ ฝึกอบรม
การเกษตร
การเงิน&บัญชี
ก่อสร้าง
ของที่ระลึกจากภาพยนตร์
ความงามและสุขภาพ
คอมพิวเตอร์
จตุคาม
จักรยาน&จักรยานยนต์
ตกแต่ง ซ่อมแซม
ตั๋ว&บัตร
ตุ๊กตา&ของเล่น
ที่ดิน
ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ท่องเที่ยว
ธนบัตร&เหรียญ ของสะสม
นวนิยาย
บริการถ่ายภาพ
บ้าน
ประกันภัย&ประกันชีวิต
พระ
รถ รถตู้ให้เช่า
รถยนต์ ประดับยนต์
ล้อแม็กรถยนต์
วัตถุมงคล
สัตว์เลี้ยง
สำนักงาน
สินค้า หรือ บริการทั่วไป
หนังสือ
หนังสือการ์ตูน
หนังสือคอมฯ
หนังสือออกใหม่
ห้องซ้อมดนตรี
ห้องพัก หอพัก
อาคารชุด
อาคารพานิชย์
อินเตอร์เนต
อุปกรณ์ เครื่องเขียน แบบเรียน
อุปกรณ์กีฬา
อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และของใช้ในบ้าน
เกมส์
เครื่องดนตรี กีตาร์ กลอง
เครื่องดนตรี คีย์บอร์ด เปียนโน
เครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องประดับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
โชว์ การแสดง
โต๊ะ เก้าอี้
โทรศัพท์&อุปกรณ์เสริม
โทรสาร
โน๊ตเพลง

  สปอนเซอร์ของเรา
   
   
   

ยุทธศาสตร์ "ขี่แพนิค...สอยเงินฝรั่ง" "บุญ วนาสิน"  

 
ยุทธศาสตร์ "ขี่แพนิค...สอยเงินฝรั่ง" "บุญ วนาสิน"
 

ยุทธศาสตร์ "ขี่แพนิค...สอยเงินฝรั่ง" "บุญ วนาสิน" : "หุ้นยิ่งผันผวน ผมยิ่งรวย"

ยุทธศาสตร์ "ขี่แพนิค...สอยเงินฝรั่ง" "บุญ วนาสิน" : "หุ้นยิ่งผันผวน ผมยิ่งรวย"

ในจังหวะที่ตลาดหุ้นอยู่ใน "ขาลง" นักลงทุนส่วนใหญ่มักคิดว่า "เล่นยาก" และเป็นตลาดที่ไม่ทำเงิน แต่สำหรับ "หมอบุญ" นี่คือจังหวะที่ต้องกอบโกย



ท่ามกลางการตลาดหุ้นปี 2549 ที่ผันผวน เล่นยาก แต่เชื่อหรือไม่! ปีนี้เป็นปีที่ "หมอบุญ" รวยหลายล็อตแล้วจากการ "เล่นหุ้น"

อันที่จริง "หมอบุญ" มักยืนยันตลอดว่า ตัวเองไม่ได้เป็น "นักเล่นหุ้น" การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถือก็เป็นแค่หนึ่งในการบริหารความมั่งคั่งของเขาเท่านั้น

"สำหรับผมไม่ได้เล่นหุ้นตลอด จะลงทุนในหุ้นเป็นช่วงๆ ..ฉะนั้นเรียกเล่นหุ้น ไม่ได้....พวกเล่นหุ้น มันต้องเล่นแบบจริงๆ จังๆ หน้าจอ หรือพวกปั่นหุ้นทั้งหลาย พวกนั้นมืออาชีพ ...."

แม้จะไม่ลงทุนบ่อย แต่หมอบุญยอมรับ การลงทุนครั้งหนึ่งๆ ของเขานั้น ก็ใส่เงินที่ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท

"หมอบุญ" บอกว่า การลงทุนในแบบฉบับของเขา จะเป็นไปในลักษณะลูกคลื่น (WAVE) หมายความว่าจะอาศัยจังหวะที่ตลาดขาลงในการเข้าซื้อหุ้น และถืออย่างนั้นจนกว่าตลาดจะขึ้นกลับมาที่เดิม นี่คือ WAVE หนึ่งลูก

"คือ ผมจะมีสถิติการเคลื่อนของดัชนีหลักทรัพย์ ทีนี้ถ้ามันลงต่ำประมาณ 10-15% เมื่อไหร่ ผมก็เข้าไปซื้อเลย ซื้อทีไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท จะไล่ซื้อตั้งแต่หุ้นมันลงไปที่ 10% คือผมเชื่อว่าเมื่อหุ้นมันลงต่ำสุดมันต้องขึ้นไง ต้องกลับมาที่เดิม

ทีนี้พอหุ้นมันกลับที่เดิม เราก็อาจจะลองดูว่าให้มันขึ้นอีก 2-3% โดยธรรมชาติ ผมจะดูว่าเราได้ 10-12% เราก็ขายแล้ว"

อย่างไรก็ตาม การเข้าไปเล่นหุ้นในสไตล์นี้นั้น ข้อควรคำนึงก็คือ จะต้องเล่น "หุ้นบลูชิพ" โดยเฉพาะแบงก์ เพราะนี่คือหลักทรัพย์ที่วิ่งไปตามดัชนี ที่สำคัญโอกาสที่แบงก์จะล้มยากมาก

หมอบุญบอกว่า การเล่นเป็น "WAVE" ต้องรอว่าหุ้นจะลงเมื่อไหร่ บางปีอาจจะไม่ลงเลยก็ได้ หรือบางปีหุ้นอาจจะลง 3 ครั้ง แต่เฉลี่ยที่ผ่านมา หุ้นมันจะลงมากหนักๆ และก็ขึ้นไป 2 ครั้งต่อปี

"หุ้นลงหนักๆ 2 ครั้งต่อปี หมายความว่าผมได้ 20% แล้วนะ บางปี ได้ถึง 3 ครั้ง มันก็ประมาณ 30%"

เช่นเดียวกันเมื่อซื้อหุ้นแล้ว นักลงทุนก็ต้องอดใจรอว่า หุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่ อาจจะเป็นแบบ 3 เดือน 4 เดือน บางทีเป็นปีเราไม่รู้มัน

"รอบที่ผ่านมา ผมก็ได้หลายตังค์นะ ตอนนั้นเข้าซื้อในช่วงดัชนี 670 จุด เมื่อตอนมิถุนายนปลายๆ ตอนนี้ไล่ขายเหลือนิดเดียวแล้ว

อย่าง ปตท.สผ. (PTTEP) ซื้อ 106 บาท ขึ้น 120 บาท ก็ขาย แบงก์กรุงเทพ (BBL) ซื้อที่ 97-98 บาท ถึง 105 ผมขายแล้ว กำไรได้แล้วเกือบ 8% ซื้อทั้งหมด 500 ล้านบาท ก็กำไรแล้ว 40 ล้านบาท ก่อนหน้านั้น ผมก็ซื้ออีกรอบ ตอนที่ดัชนีมันลงไป 635 จุด นี่ถือว่าได้ 2 รอบแล้ว

ยิ่งมีวิกฤติ หวือหวา ผมรวย ไม่ว่าจะเมืองไทย เมืองนอก ผมก็ใช้วิธีลงทุนแบบนี้ แต่ถ้าเศรษฐกิจเรียบๆ คุณไม่เจอผม (ในตลาดหุ้น) หรอก หุ้นขึ้นไปอย่างเดียว แบบนี้ผมไม่เสี่ยง แต่ถ้ามันลงก็ช้อน" หมอบุญบอก

เขาอธิบายว่า ความจริงหลักการเล่นหุ้นมันอยู่ที่จิตวิทยาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ที่มี "ต่างชาติ" เป็นผู้กำหนดดัชนี ...ซึ่งเมื่อเกิดอะไรก็ตามที่มากระทบ ก็จะเกิดการขายทันที ก่อนซื้อกลับ

"พวก "ฝรั่ง" จะแพนิคมาก ยอมคัตลอสทันที มันนึกว่าไม่ไหว ก็ทิ้งทันที ตลาดหุ้นก็จะฮวบเลย ประมาณ 5-6% และจะลงด้วยตัวมันเองอีก 2-3% ก็เป็น 7-8% และพอฝรั่งเห็นท่าทางเรียบร้อยแล้ว มันก็กลับมาใหม่ .... มันก็ไล่ขึ้นจุดเดิมและเลยไปอีก อย่างตอนนี้เลยไปประมาณ 1-2% ผมขายไปแล้ว 90%

ผมเล่นหุ้นไม่เหมือนคนอื่น เรียกว่าใช้วิกฤติเป็นโอกาส บางทีมันลงไปและมันไม่ขึ้นมาเป็นปีก็มีนะ แต่การซื้อหุ้นบลูชิพ ยังไงก็ไม่เจ๊ง เพราะมันต้องกลับขึ้นมา ถ้ามันไม่กลับก็คือประเทศชาติล่มจม เป็นอย่างนั้นก็ต้องยอมแล้ว" หมอบุญกล่าวอารมณ์ดี

แต่หมอบุญเตือนว่า การเล่นหุ้นแบบ WAVE ใช้ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้ทุกครั้ง เพราะจะต้องดูภาพรวมเศรษฐกิจหลายอย่างด้วย ทั้งเศรษฐกิจ น้ำมัน แนวโน้มดอกเบี้ย

"ถ้าผมเห็นว่า เศรษฐกิจห่วยจริงๆ คนล้มละลายเยอะ เอ็นพีแอลสูงเราไม่ซื้อนะ ... แต่เมืองไทยมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ตอนนี้กำลังดี ส่งออกใช้ได้ ก็เล่นได้

ต้องดูหลายอย่าง ว่าการถดถอยนั้นมันเป็นการถดถอยที่แท้จริง หรือว่าเป็นการถดถอยเชิงจิตวิทยา อย่างตลาดหุ้นเมื่อปี 2541 เที่ยวนั้นผมรวยเยอะ เพราะหุ้นมันลงน่าเกลียด เดี๋ยว 20% บ้าง 30% บ้าง ผมก็เข้าซื้อ พวกนี้มีหลายตัวผมได้เป็นพันเปอร์เซ็นต์เลยนะ... อย่าง "บำรุงราษฎร์" (BH) หุ้นจาก 20 บาท ลงไปเหลือ 5-6 บาท (พาร์ 5 บาท) แต่ตอนนี้พาร์ 1 บาท หุ้นขึ้นไปซื้อขายกันที่ 30 กว่าบาท ตัวนี้กำไร 800% เลย"

หมอบุญบอกว่า การเล่นหุ้นให้ได้นั้นต้องรู้จริง ไม่ใช่เล่นเหมือนคนตาบอด เห็นหุ้นปั่นราคาขึ้นก็เฮซื้อ ต้องรู้ว่าความเสี่ยงมันอยู่ตรงไหน

"พวกนี้ เจ้ามือเขาคอนโทรลเกมได้ เขารู้ใครซื้อขายบ้าง จะเล่นยังไง .อีกอย่างการตัดสินใจเล่นแต่ละครั้งต้องหาข้อมูลให้มาก อย่างผมสนิทกับโบรกเกอร์ระดับโลกเยอะมาก คุยตลอดเวลา เพราะเรามีไพร์เวทแบงก์กับพวกเขา ดังนั้น อินฟอร์เมชั่นเราจะเยอะ จังหวะที่เฮดจ์ฟันด์จะเข้า เขาจะบอกเราก่อนว่า เฮดจ์ฟันด์ใหญ่ๆ ทั้งหลายเริ่มซื้ออะไร ซื้อเมื่อไหร่ ...จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่ความลับ อยู่ในรายงานตลอดหลายสิบหน้า แต่คนอื่นอาจเปิดไม่ถึง ซึ่งผมก็จะนำมาใช้เป็นอีกหนึ่งปัจจัย นอกจากแฟกเตอร์อื่นๆ นับ 10 แฟกเตอร์"

นอกจากการ "ขี่แพนิค สอยเงินจากตลาดหุ้น" เป็นรอบๆ แล้ว หมอบุญบอกว่า เขายังต่อยอดความมั่งคั่ง แบ่งเงินมาลงทุนในหุ้นที่มีอนาคตยาวด้วย แต่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นบลูชิพในตลาดหุ้นต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น จีน ยุโรป ออสเตรเลีย

เขาจะดูว่าประเทศนั้นมีอุตสาหกรรมอะไรโดดเด่น อย่างญี่ปุ่น ลงในโตโยต้า เยอะสุด ส่วนประเทศจีนลงในหุ้นปิโตรไชน่า ขณะที่เซคเตอร์ "แบงก์" ลงได้ทุกประเทศ

หมอบุญบอกว่า การเล่นหุ้นต่างประเทศมักกำไรมากกว่าการเล่นหุ้นในประเทศ โดยเฉพาะขณะนี้ที่ตลาดหุ้นไทยเสียเปรียบตลาดหุ้นอื่นๆ ในด้านของพื้นฐานของประเทศ ที่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ทำให้มีต้นทุนเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย

"แค่นั้นไม่พอ วันนี้เรายังมีปัจจัยกดดันด้าน "การเมือง" ซ้ำอีก ซึ่งถ้าการเมืองไม่นิ่ง ก็ยากที่จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้น"

นอกจากการใช้ Wave แล้ว หมอบุญบอกไว้ว่า หลักเล่นหุ้นที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยคือ ให้ความสำคัญกับข่าวสารข้อมูล " เรื่องเล่นหุ้น ตราบใดที่คุณไม่เสี่ยงซะอย่าง เอาชัวร์เข้าไว้ก็จะได้ มันเป็นหลักวิทยาศาสตร์ ต้องเน้นข่าวสารข้อมูล หลักนี้ใช้ได้ทุกสมัย ทุกวันนี้ผมยังใช้เวลาอ่านหนังสือวันละ 4-6 ชั่วโมง" หมอบุญกล่าว


"หุ้นลงหนักๆ 2 ครั้งต่อปี หมายความว่าผมได้ 20% แล้วนะ บางปี ได้ถึง 3 ครั้ง มันก็ประมาณ 30%"

   
   
 
 
 
ความเห็นที่ 1[ 118]
  เปตร
 

ทาทายัง [ 2008-01-07 17:38:18 ]
   
 
ความเห็นที่ 2[ 119]
  เปตร
 

ทาทายัง [ 2008-01-07 17:38:44 ]
   
แสดงความเห็นต่อบทความนี้
User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
© Copyright 2007 SIAM-SHOP.COM All Rights Reserved.