ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ 3.138.114.94 : 25-04-24 17:13:36   
หน้าแรก siam-shop.com ค้นหาร้านค้าสมาชิก
ชื่อสินค้า  
    หมวดสินค้าของเรา            
  
 
Notebook
กระเป๋า
กล้องถ่ายรูป
กวดวิชา ติวเตอร์ ฝึกอบรม
การเกษตร
การเงิน&บัญชี
ก่อสร้าง
ของที่ระลึกจากภาพยนตร์
ความงามและสุขภาพ
คอมพิวเตอร์
จตุคาม
จักรยาน&จักรยานยนต์
ตกแต่ง ซ่อมแซม
ตั๋ว&บัตร
ตุ๊กตา&ของเล่น
ที่ดิน
ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ท่องเที่ยว
ธนบัตร&เหรียญ ของสะสม
นวนิยาย
บริการถ่ายภาพ
บ้าน
ประกันภัย&ประกันชีวิต
พระ
รถ รถตู้ให้เช่า
รถยนต์ ประดับยนต์
ล้อแม็กรถยนต์
วัตถุมงคล
สัตว์เลี้ยง
สำนักงาน
สินค้า หรือ บริการทั่วไป
หนังสือ
หนังสือการ์ตูน
หนังสือคอมฯ
หนังสือออกใหม่
ห้องซ้อมดนตรี
ห้องพัก หอพัก
อาคารชุด
อาคารพานิชย์
อินเตอร์เนต
อุปกรณ์ เครื่องเขียน แบบเรียน
อุปกรณ์กีฬา
อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และของใช้ในบ้าน
เกมส์
เครื่องดนตรี กีตาร์ กลอง
เครื่องดนตรี คีย์บอร์ด เปียนโน
เครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องประดับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
โชว์ การแสดง
โต๊ะ เก้าอี้
โทรศัพท์&อุปกรณ์เสริม
โทรสาร
โน๊ตเพลง

  สปอนเซอร์ของเรา
   
   
   

นาฬิกาชีวิต  

 
นาฬิกาชีวิต
 

นาฬิกาชีวิต  

อวัยวะกายในนั้นมีอยู่ 12 ประการ อวัยวะเหล่านี้จะมีเวลาทำงาน ผลัดบทบาทสำคัญหมุนเวียนกันไปทุก 2 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน ที่เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต “

โดยปกติคนเราสนใตดูแลสุขภาพร่างกาย จะดูแลบริหารแต่กล้ามเนื้อและผิวพรรณเฉพาะภายนอกเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่เรามีระบบต่างๆ ที่อยู่ภายในเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับระบบอวัยวะภายใน ไม่บริหารอวัยวะภายใน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของร่างกายเรา ที่จะทำหน้าที่ให้ร่างกายมีสุขภาพดี อวัยวะภายในนั้นมีอยู่  12   ประการ

    อวัยวะเหล่านี้จะมีเวบาทำงานที่เรียกว่านาฬิกาชีวิตตลอดทั้งวัน  อวัยวะ 12 ประการจะทำงานผลัดหมุนเวียนกันไป มีบทบาทสำคัญทุก 2 ชั่วโมง

     ดังนั้น  เราควรที่จะเอาใจใส่ดูแลอวัยวะภายในให้ดีเพื่อเราจะได้ปฎิบัติตัวถูกต้อง และสามารถเลือกรับประทานตรงตามความต้องการของร่างกาย 

     อวัยวะภายใน 12 ประการ จะทำงานผลัดหมุนเวียนกัน  ได้แก่

1.   ช่วง 03.00 – 05.00 น.   เป็นช่วงเวลาของวันใหม่ อวัยวะที่สำคัญเริ่มทำงาน ได้แก่  ปอด  ถ้าเรามีปัญหาเกี่ยวกับปอด และระบบทางเดินหายใจ  เมื่อต้องรับปรานยาให้รับประทานช่วงนี้ เพราะปอดจะทำงาน ปอดของคนเราจะสัมพันธ์กับอำนาจของร่างกาย ถ้าเราเป็นคนนอนตื่นสาย เราจะเป็นคนที่ไม่มีพลังอำนาจในตัว  ไม่สามารถสะกดจิตคนอื่นได้ สำคัญมากสำหรับคนทำงานเกี่ยวกับการค้าขายหรือต้องพบปะผู้คนตลอดทั้งวัน  ต้องมีพลังอำนาจในตัว  เพื่อลูกค้าจะเกรงใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้างาน  ถ้าไม่ตื่นเช้าช่วงนี้จะไม่มีพลังอำนาจในตัว  ปอดไม่แข็งแรง    **** เคล็ดลับ ตี 3 – ตี 5  ให้ตื่นให้ได้ แล้วก็สูดลมหายใจ เข้า – ออก  เพราะช่วงเช้าอากาศจะสดชื่น  สำหรับผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับทางเดินหายใจ หอบ  หืด ขอแนะนำให้ใช้สูตรน้ำยาเป็นอาหารบำบัด

ส่วนผสม

·       ขิง ขนาดเท่าหัวแม่มือของผู้ป่วย

·       หอมแดง น้ำหนักเท่าขิง

·       กระเทียม น้ำหนักเท่าขิง

·       น้ำ 1 แก้ว

·       มะนาว 3 – 4 ลูก

·       น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.   นำขิง หอมแดง กระเทียม และน้ำ มาปั่นรวมกันแล้วกรองเอาแต่น้ำ

2.   ผสมน้ำผึ้ง และน้ำมะนาวที่คั้นได้จาก 3 – 4 ผล ให้ดื่มติดต่อกัน 30 วัน ในเวลาระหว่าง 03.00 – 05.00 น. ทุกวัน จะหาย ปอดจะดีขึ้น

อาหารบำรุงปอด จะเป็นพวกที่มีสีขาวตามธรรมชาติทุกชนิด เช่น เห็ดหูหนูขาว  หรือน้ำตาลทรายขาว  (  ชา NRG ทดแทนได้ )

2.   ช่วงเวลา  05.00 – 07.00 น. อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ได้แก่ ลำไส้ใหญ่  จะเริ่มทำงานเป็นช่วงที่ต้องขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ถ้าไม่ขับถ่ายช่วงนี้จะมีปัญหาอื่นๆตามมา บริเวณลำไส้ใหญ่มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหาร เพื่อไปสร้างเม็ดเลือด  คนเราจะเลือดดีหรือไม่ดีอยูที่ลำไส้ใหญ่  เพราะฉะนั้นเวลา  05.00 – 07.00 น. ถ้ายังมีอุจจาระคาอยู่ในลำไส้ใหญ่จะทำให้เลือดไม่ดี  เลือดไม่ค่อยสะอาด  และจะมีปัญหาเกี่ยกับระบบเลือดได้ง่าย  เมื่ออยากรู้ว่าเลือดของใครสะอาดหรือไม่สะอาด ทดลองโดยให้ใช้นิ้วโป้งกดที่แขน กดไปลึกๆ  แล้วปล่อยออก  ดูว่าผิวกลับเป็นเหมือนเดิมเร็วแสดงว่าเลือดดี เลือดที่ไม่ดีเป็นเพราะนำไส้ใหญ่ไม่ว่างมีอุจจาระไปคาอยู่ 

                    สำหรับคนที่ต้องทำดีท้อกแบบบสวนทวารไม่แนะนำให้ทำเพราะจะเป็นอันตราย เนื่องตากตรงบริเวณลำไส้ใหญ่และนำไส้เล็กจะมีข้อต่ออยู่  ถ้ามีน้ำเข้าไปอัดอาจจะทำให้ระเบิดเป็นอันตรายต่อชีวิต

                  ควรล้างสำไส้ใหญ่โดยการดื่มน้ำ  ถ้าเป็นคนที่ระบบการดูดซึมดี  ก็ให้ดื่มวันละ 5 แก้ว  จะไปล้างสำไส้ใหญ่ให้สะอาด  แต่ถ้าระบบดูดซึมไม่ดี  คือ คนที่รับประทานอาหารที่มีน้ำมันทุกวันระบบดูดซึมจะเสีย  ดื่น้ำไปแค่ 10 นาที ต้องไปปัสสาวะ  ถ้าระบบดูดซึมไม่ดีอยู่ในกลุ่มเสี่ยง  อย่าดื่มน้ำมากจนกว่าระบบดูดซึมนะดีขึ้น

           อาหารที่ล้างลำไส้ได้ดีคือ  ให้ดื่มน้ำโยเกิร์ตผสมน้ำมะนาว และน้ำผึ้ง  โดยดูวิธีทำจากสูตรที่บอกให้ในบทก่อนนี้ ลำไส้ใหญ่ที่ไม่สะอาดจะทำให้ง่วงเหงาหาวนอน  มีกลิ่นตัว ถ้าปล่อยไว้นานจมูกจะไม่ได้กลิ่น  จะเป็นริดสีดวงทวาร  มะเร็งลำไส้   เมื่อเป็นริดสีดวงทวารจนกระทั่งถ่ายเป็นเลือดเป็นประจำ อ่อนเพลียง่าย  

      อาหารช่วยฟื้นฟูลำไส้ใหญ่ได้ดีคือ ขมิ้นชัน สำหรับผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ  ขอแนะนำว่าอย่าไปใช้ยาถ่าย เพราะยาถ่ายจะไปทำให้ปลายประสาทเสื่อม  ให้ใช้ขมิ้นชันรับประทานแทน   และถ้าช่วงเวลานี้ไม่ถ่าย ต่อไปกระเพาะจะดูดเอาอุจจาระกลับเข้ากระเพาะใหม่ จึงทำให้ตอนเช้าเลยไม่หิวอาหารเช้า  อาหารที่ถูกนำไปย่อยซ้ำจะทำให้กลายเป็นเม็ดกระสุน ส่งผลให้ท้องผูกตามมาด้วย   (  ไฟเบอร์บอตานิคอล 2 เม็ดหลังอาหาร ทุกมื้อ )

3.ช่วงเวลา 07.00 – 09.00 น.  อวัยวะที่สำคัญจะเริ่มทำหน้าที่ได้แก่ กระเพาะ เป็นช่วงเวลาที่กระเพาะทำงานหนัก  เพราะเป็นช่วงรับประทานอาหารเช้า  กระเพาะจะคุมเรื่องของกล้ามเนื้อกระเพาะไม่แข็งแรง ทำให้เนื้อตัวจะเหลวและนิ่มๆ ถ้าเราไม่รับประทานอาหารเช้า  จะเป็นอาการของโรคกระเพาะเสื่อม  อาการที่กระเพาะเสื่อมแสดงออกได้แก่.....

3.1 ใบหน้าจะแก่เร็ว   ถ้าเราไม่รับประทานอาหารเช้า ผลคือ  ลำไส้ใหญ่จะไม่ขับถ่าย แล้วจะไปบีบเอาอุจจาระขึ้นมาที่กระเพาะแทนอาหารเช้า  อุจจาระที่กลับเข้ากระเพาะจะถูกย่อยซ้ำ  ส่งสารที่ย่อยเข้ากระแสเลือดทำให้ร่างกายได้รับก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์  ซึ่งเป็นก๊าซพิษจากอุจจาระ  เมื่อร่างกายรับเข้าไปมากๆ จะเป็นอันตราย   เด็กไทยยุดใหม่ไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้า ค่า IQ จึงอยู่ที่ 70 แปลว่าเป็น  IQ ของเด็กอายุ 7 ขวบ วัยรุ่นไทยในปัจจุบันจึงทำผิดกฏหมายได้ง่ายเพราะ IQ ต่ำ อายุตัวสูงมากขึ้น แต่อายุสมองต่ำ  จึงขอแนะนำว่าให้รับประทานอาหารเช้าทุกวัน

       ถ้าไม่รับประทานอาหารเช้าแนะนำว่าให้รับประทาน โยเกิร์ต และกล้วย 1 ลูก  การเรียนเด็กจะดีขึ้น  

       อาหารเช้าบำรุงสมอง  อาหารมื้อกลางวัน บำรุงกล้ามเนื้อ  อาหารเย็นบำรุงเซ็กซ์

       สรุปว่าอาหาร 3 มื้อ คนไทยส่วนใหญ่ จะยอมอดอาหารมื้อเช้า  แล้ว ยกยอดไปรับประทานมื้อกลางวันแสดงว่าไม่สนใจเรื่องสมอง  สนใจแต่กำลัง จากนั้นก็ไปหนักเอามื้อเย็นอีกมื้อหนึ่ง  เพื่อบำรุงเซ็กซ์  คดีข่มขืนจึงมีมาก

3.2 จะปวดหัวเข่าง่าย   เพราะไม่กินข้าว ขาไม่มีแรง ผิวพรรณไม่ดี ผิวจะตกกระ   ( โปรตีนเชค  2 ช้อนโต๊ะ ,  พีพีพี )

         4. ช่วงเวลา  09.00 – 11.00 น.   อวัยวะสำคัญที่จะทำหน้าที่ได้แก่ ม้าม  ส่วนมากคนจะไม่คุ้นเคยและไม่รู้จักม้าม  ม้ามจะอยุ่ตรงชายโครงด้านซ้ายอยู่ระหว่างกระเพาะ ปอด  หัวใจ 

        ม้ามมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือด น้ำเหลือง และภูมิคุ้มกัน คนที่ม้ามโตจะผอมถาวรรับประทานเท่าไหร่จะไม่อ้วน  คนที่ตัวผอมจะไม่ค่อยสร้างเม็ดเลือด  ตามปกติคนเราต้องมีเลือดหมุนเวียน 6 ลิตร   คนที่ม้ามโตจะมีเลือดไม่ถึง 6 ลิตร

         ส่วนคนที่ม้ามชื้นจะอ้วนง่าย  ไม่กินอะไรก็อ้วน คนที่ใช้เสียงมาก  คนที่ใช้ริมฝีปากบ่อย พูดมาก จะทำให้ม้ามชื้น  และอ้วนง่าย  และคนที่อยู่ริมแม่น้ำก็จะอ้วนง่าย กิน อาหารจุบจิบ  ม้ามจะชื้นง่าย  ใครที่นอนช่วงเวลานี้จะอ้วน  แต่ถ้าได้เดินไปเดินมาหรือใช้สมองคิด จะทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานได้ดี จะไม่อ้วน

     ม้ามนอกจากสร้างไขมัน สร้างเม็ดเลือด ยังสร้างภูมิคุ้มกัน  สร้างน้ำเหลือง วิธีสังเกตว่าม้ามปกติหรือไม่ก็คือดูที่น้ำเหลือง ม้ามชื้น ม้ามโต  น้ำเหลืองจะเสียง่าย  เช่น การเป็นเริม  งูสวัด

       วิธีการดูแลรักษาม้าม   ควรรับประทานขมิ้นชัน  ที่เป็นผงหรือแคปซูลเป็นประจำ  จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำเหลืองเสีย  การรับประทานขมิ้นชันเพื่อลดความอ้วนและควบคุมน้ำเหลืองไม่ให้เสีย  ให้รับประทานช่วงเวลา 09.00 – 11.00  น.

     อาหารบำรุงม้าม  ได้แก่  มันเทศ  สีเหลือง  สีแดง  สีขาว  สีม่วง  หรือบุก ( ผลคล้ายกับหัวกลอย) รับประทานและจะลดความอ้วน    ( ชาเขียว,วิตามินซีและผืชพัก )

      5. ช่วงเวลา  11.00 – 13.00 น.  อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจ  การดูแลหัวใจ  อย่าอยู่ในอากาศร้อน  สำหรับคนที่ต้องทำงานในห้องที่มีอากาสเย็นอยู่ในแอร์ตลอดเวลา ถ้าจะออกไปข้างนอกให้ยืนตรงประตูเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกายก่อน  อย่าออกทันที  เพราะจะทำให้อวัยวะภายในสุกได้  เช่น  ตับ   หัวใจ  หรืออาจทำให้ตายได้  หัวใจที่ขาดสารอาหารโปตัสเซียม  จะทำให้เกิดการไหลตาย 

      คนที่เป็นโรคหัวใจจึงให้รับประทานผลไม้มากๆ  หรือใส่แหวนเงินนิ้วกลาง  ผู้ชายจะเป็นโรคหัวใจมาก  เพราะไม่ชอบรับประทานผลไม้   จะทำให้ขาดโปตัสเซียม  

         อาหารที่จะทำลายโปตัสเซียม  ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ  ไม่ควรรับประทาน ได้แก่  ถั่ว ข้าวเหนียว  และของดอง ซึ่งมีโซเดียมคือเกลือสูง   เป็นสาเหตุให้หัวใจวายตายได้ จึงควรรับประทานผลไม้ให้มากๆ  ถ้าอยากให้หัวใจแข็งแรง  ( โรอ๊อกซ์,น้ำมันปลา )

6.      ช่วงเวลา 13.00 – 15 .00 น.  อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ได้แก่        ลำไส้เล็ก   คนส่วนมากไม่ค่อยให้ความสำคัญกับลำไส้เล็ก ซึ่งมีความยาวมากลำไส้เล็กของผู้ชายยาว 30 ฟุต ผู้หญิงลำไส้เล็กยาว 40 ฟุต

     ดังนั้นผู้หญิงจะมีปัญหาเรื่องลำไส้มากกว่าผู้ชายเพราะลำไส้ที่ยาวจะมีขยะไปตกค้างอยู่ในลำไส้มากกว่าจึงต้องรับประทานผักและผลไม้ให้มากๆ  ถ้ารับประทาน เนื้อสัตว์จะยิ่งเป็นขยะไปอยู่ในลำไส้  จะกลายเป็นมะเร็งลำไส้  และถ้ายิ่งรับประทานของทอด  ของผัด  ที่มีน้ำมันพืชมากๆ  ขยะก็จะเพิ่มมากขึ้น  เพราะน้ำมันพืชที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทุกยี่ห้อทำจากน้ำมันปาล์ม  เนื่องจากราคาจะถูก

      ภายในตัวคนเราเปรียบเหมือนเป็นตู้ร้อนมีอุณหภูมิถึง 37 องศา น้ำมันเมื่อโดนความร้อนนะเหนียวเกาะเป็นกาวเคลือบอยู่ในลำไส้  เวลาที่เรารับประทานอาหารเข้าไปจะไม่สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้

        อาหารที่จะละลายได้ในร่างกายมีอยู่ 2 กลุ่มที่ละลายไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ ,อี,ดี,เค  นอกนั้นจะละลายในน้ำ  เมื่อเจอชั้นไขมันที่ไปเคลือบผนังลำไส้ก็ละลายไม่ได้ เช่น วิตามิน ซี , บี , เมื่อวิตามิน ซี เข้าตัวไปใช้ในร่างกายไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้ง่าย  คนที่เป็นภูมิแพ้มากๆ    เพราะน้ำมันไปเคลือบลำไส้ คนเราก็เลยเจ็บป่วยกันมาก  (  ไฟเบอร์บอนด์ )

       7. ช่วงเวลา 15.00 – 17.00 น.  อวัยวะสำคัญที่  ทำหน้าที่  ได้แก่  กระเพาะปัสสาวะ   ทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายโดยเฉพาะขับปัสสาวะคนที่อั้นปัสสาวะบ่อยๆ  หรือเหงือก็ไม่ค่อยออกเนื่องจากอยู่ในห้องแอร์นานๆ  กระเพาะปัสสาวะจะทำงานหนักกลายเป็นโรคนิ่วได้  อาหารที่บำรุงกระเพาะปัสสาวะได้แก แกนสับปะรด  ไส้ในแกนสับปะรดรักษาโรคนิ่ว  แก้อาการปัสสาวะติดขัด  ช่วยขับปัสสาวะได้ดี   (  ชา NRG + ชาเขียว )

           วิธีการรักษาอาการที่เป็นนิ่ว  ให้ใช้เหล้าขาว 1 ก๊ง ผสม น้ำมะนาว 1ลูก รับประทานก่อนนอน ไม่เกิน  10 วันก็จะหายเป็นปกติ

8.ช่วงเวลา  17.00 – 19.00 น.  อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ได้แก่  ไต  วิธีการรักษาโรคไต ให้ดื่มน้ำกระชาย  จะทำให้ไตแข็งแรง หรือเห็ดหูหนูดำ  อาหารที่บำรุงไต ได้แก่  เม็ดบัว จะช่วยบำรุงไต  กระดูก  สมอง  สรรพคุณจะมากกว่าแป๊ะก๊วย   ( วิตามมินรวม ) 

9. ช่วง 19.00 – 21.00 น.  อวัยวะที่ทำหน้าที่ ได้แก่ เยื่อหุ้มหัวใจ  คนที่มีโคเลสเตอรอลสูงจะทำให้เส้นเลือดตีบ  เส้นเลือดขอดที่ขาให้ดื่มน้ำกระเจี๊ยบต้มกับพุทรา  รักษาอาการเส้นเลือดขอด อัมพฤกษ์ อัมพาต

         ถ้าเป็นโรคเบาหวาน วิธีการรักษา ให้รับประทานใบมะยม แกล้มกับส้มตำก็ได้  รับประทานเป็นประจำจะหายขาดได้    และสามารถนำมาแกงเลียง,แกงส้ม ถ้าคนไม่เป็นเบาหวานรับประทานจะทำให้แข็งแรงหรือรากเตยต้มน้ำดื่มเป็นประจำก็แก้เบาหวานได้    ( เยลโล่ )

      ถ้าคนเป็นโรคเก๊าต์   ให้รับประทานลูกเดือยติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ทำให้ขายขาดได้

  10. ช่วงเวลา 21.00 – 23.00 น.  ช่วงนี้ร่างกายห้ามโดนความเย็น ร่างกายจะป่วยง่าย 

  11. ช่วงเวลา 23.00 – 01.00 น.  ช่วงนี้ร่างกายต้องการน้ำสัก 1 แก้ว  ร่างกายจะสดชื่นไม่ปวดหัว  แล้วจะทำให้ตื่นเช้าด้วย

 12. ช่วงเวลา  01.00 – 03.00 น.  เป็นช่วงเวลาของ ตับ และเป็นช่วงที่คนต้องนอน  ถ้าไม่นอนจะเป็นโรคข้างเคียงได้แก่   โรคไวรัสลงตับ  มะเร็งในตับ  และถ้าใครรับประทานอาหารช่วงนี้จะเป็นโรคได้ง่าย  แต่ถ้าหลับสนิทเพียงแค่  2 ชั่วโมง  จะรู้สึกสดชื่น  ถ้านอนมากจะเชื่องซึม  วิธีแก้ให้รับประทานน้ำตาลจะช่วยได้ 

 

 

 

 

 

 

   
   
 
 
แสดงความเห็นต่อบทความนี้
User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
© Copyright 2007 SIAM-SHOP.COM All Rights Reserved.