17.30 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 แถว Q ประตู9 หรือ 10 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบินกาตาร์
(Qatar Airways) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ
อำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทาง
20.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินQatar
Airways เที่ยวบินที่ QR 833
23.10 น. แวะเปลี่ยนเที่ยวบินที่โดฮา (DOHA) ประเทศกาตาร์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย4 ชม.)
วันที่สอง มิวนิค ปราสาทนอยชวานชไตน์ นูเรมเบิร์ก
02.05 น. ออกเดินทางต่อ สู่ กรุงมิวนิคโดยเที่ยวบินที่QR 059
07.00 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติมิวนิค ประเทศเยอรมนีผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชสู่เมืองฟุสเซ่น จากนั้นนำท่านนั่งรถมินิบัสขึ้นสู่ยอดเขา พร้อมนำคณะเข้าชมภายในปราสาทนอยชวานชไตน์
หรือปราสาทดีสนีย์แลนด์ ที่ตกแต่งไว้อย่างอลังการปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาล
เริ่มตั้งแต่ปี 1868 ถึงปี 1892ตัวปราสาทตั้งอยู่บนบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตรเหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท นำคณะเดินเที่ยวชมห้องต่างๆ อาทิ
ห้องทรงงาน, ห้องบรรทม, ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ตแม้กระทั่งราชาการ์ตูนอย่าง วอล์ทดิสนีย์ ยังได้จำลองแบบปราสาทแห่งนี้ไปเป็นปราสาทในเทพนิยายอันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสวนสนุกดิสนีย์แลนด์
สมควรแก่เวลานำคณะลงจากปราสาท
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ ขาหมูเยอรมัน)
บ่าย จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐไบเอิร์น
(บาวาเรีย) ประเทศเยอรมนี เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2ของแคว้นบาวาเรีย และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการค้าที่สำคัญ
ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เนือร์นแบร์กมีประวัติศาสตร์ถอยไปถึง
ค.ศ. 1050 โดยเป็นเมืองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ***อิสระทุกท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย***
ค่ำ บริการอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Mercure Congress Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่สาม นูเรมเบิร์ก คาร์โลวี วารี - กรุงปราก สะพานชาร์ล
เขตเมืองเก่า OLD TOWN
เช้า บริการอาหารเช้า ณ
ห้องอาหารของโรงแรม
ชมเมือง Karlovy
Vary ที่มีความสวยงาม สีสันหวานนุ่มเหมือนบ้านลูกกวาด ผ่านชมโบสถ์เซนต์แมรีแมกดาลีน (Church ofSt.Mary Magdalene) ในสไตล์บารอก เป็นต้นเดินทางต่อสู่กรุงปรากเมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดและยังคงรักษาความงดงามเหมือนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วไว้ครบถ้วน
เพราะไม่เคยถูกระเบิดในสมัยสงครามโลกทุกครั้งกรุงปราก (PRAGUE)เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชคซึ่งอยู่ใจกลางแคว้นโบฮีเมีย
เมืองที่มีหลากหลายฉายา เช่น นครแห่งมนต์ขลังนครแห่งความรุ่งโรจน์
นครร้อยหอคอยปารีสตะวันออกหรือน้องสาวของเวียนนาเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามจนท่านตะลึง
ออกเดินทางสู่เมืองKarlovy Varyเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศเชค
มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำแร่ การทำสปา และการทำเครื่องแก้ว ชื่อเสียงเหล่านี้ทำให้Karlovy Varyเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเพื่อเยี่ยมชมน้ำพุร้อนและสปาเป็นหลัก ว่ากันว่า
ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ค.ศ. 1350
เป็นผู้ค้นพบบ่อน้ำแร่ของเมืองนี้จากการไปตามล่ากวางในป่า
กวางตัวนั้นบาดเจ็บและตกลงไปในบ่อน้ำแร่แห่งหนึ่ง เมื่อตามไปดูกลับเห็นว่ากวางวิ่งหนีออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จึงคาดเดาว่าน้ำแร่นั้นคงมีคุณสมบัติ พิเศษที่ทำให้กวางหนีไปได้
และจากจำนวนบ่อน้ำแร่น้ำพุร้อนที่มีเกือบร้อยบ่อ มีเพียง 12 บ่อที่ใช้ดื่มกิน
ที่เหลือใช้ในธุรกิจสปา เพื่อการบำบัดรักษาโรคต่างๆ และเพื่อความสวยงาม นี่จึงเป็นที่มาของน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนี้
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ
ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่กรุงปราก ประเทศเช็คโดยใช้เส้นทางผ่านเมืองพิวเซ่นที่สำคัญของชาวเช็ก เป็นเมืองเก่าตั้งแต่ คริตศตวรรษที่12 ปัจจุบันยังคงอนุรักษ์ป้อมปราการและ
เขตเมืองเก่าไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ ท่านจะเห็นฟาร์มและพันธุ์พืชต่างที่เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าอันเขียวขจี
ทุ่งดอกเรบซีดสีเหลืองอร่าม และหมู่บ้านชนบทอันเงียบสงบ ตลอดเส้นทางการเดินทางจนกระทั่งเข้าสู่ กรุงปราก เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ค
ซึ่งตั้งอยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำวัลตาวา ชมความสวยงามอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของตัวเมืองปรากที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ยังคงเป็นของแท้ดั่งเดิมไม่ถูกทำลายไปเมื่อครั้งสงครามโลกเหมือนสิ่งก่อสร้างอื่นๆในยุโรปจนได้รับการยกย่องจากองค์การ ยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลก นำท่านเที่ยวชม จัตุรัสเมืองเก่าสตาเรเมสโต สถานที่นัดพบของชาวปราก
บริเวณโดยรอบล้วน เป็นอาคาร และวิหารเก่าแก่อายุกว่า 600 -700 ปี ที่มีความงดงามโดดเด่น ชมอนุสาวรีย์ยานฮุส ผู้นำฝ่ายปฏิรูปศาสนาซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีตถูกเผาทั้งเป็นโดยผู้ปกครองของฝ่ายคริสต์ศาสนจักรโรมันคาทอลิคและหอนาฬิกาดาราศาสตร์ ที่ทุกๆ 1ชั่วโมงจะมีตุ๊กตาสาวกพระคริสต์ (12 Apostles) ออกมาเดินผ่านหน้าต่างเล็กๆ ด้านบน หอคอยจนครบ 12 องค์
บริเวณใกล้เคียงกันนี้ยังเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวยิวที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปหลัง
มีเวลาให้คณะได้เดินเล่นช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึกพื้นเมืองไตล์เช็ค และโบฮีเมียน
เช่น เครื่องแก้วสีต่างๆ,ตุ๊กตาหุ่นกระบอก,งานผ้าปักรวมถึงชิ้นงานแกะสลักต่างรูปแบบ ฯลฯ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Duo Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ ปราสาทปราก
มหาวิหารเซนต์วิตัส
เช้า บริการอาหารเช้า ณ
ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเข้าชมความยิ่งใหญ่ของ ปราสาทปราก ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.885 โดยเจ้าชายบริโวจ
เดิมในสมัยกลางเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์สมัยต่างๆในจักรวรรดิโบฮีเมียตลอดมานับเป็นปราการสำคัญและเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองของกรุงปร๊ากมาตั้งแต่ศตวรรษที่12 ปัจจุบันนี้ได้ถูกใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลและเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเช็ค นำคณะเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางของปราสาทที่แวดล้อมไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่อายุกว่า650 ปี
ชมความใหญ่โตโอ่อ่าของมหาวิหารเซนต์วิตัส โบสถ์เก่าแก่สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1929เป็นมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งของชาวเชกฯทุกคนเนื่องจากใช้เป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์พระองค์ต่างๆ
อีกทั้งยังเป็นที่เก็บมงกุฎเพชรที่ทำขึ้นในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 กษัตริย์ผู้สร้างความเจริญสูงสุดที่ทำให้กรุงปรากกลายเป็นเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโบฮีเมียและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ชมหน้าต่างที่ประดับด้วยกระจกสีอันงดงามเป็นรูปภาพของนักบุญองค์ต่างๆ
และเรื่องราวที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ที่ยังคงความสวยงามอลังการคู่ตัวปราสาทปรากมาจนปัจจุบัน
จากนั้นเดินชมอดีต หมู่บ้านช่างทอง เป็นสถานที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ภายในหมู่บ้านแห่งนี้หน้าบ้านแต่ละหลังไม่มีบ้านเลขที่บ้าน
หากแต่ใช้สัญลักษณ์ต่างๆแทนเลขที่บ้าน
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ออกเดินทางสู่ เชสกี้ครุมลอฟ (CESKE KRUMLOV) เมืองมรดกโลกที่ได้รับการดูแลจากยูเนสโก
นำท่านเดินชมตัวเมืองเก่าของครุมลอฟ ที่ตั้งอยู่ในคุ้งน้ำของแม่น้ำวัลตาวา เป็น 1 ในเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่11 ตามเส้นทางการค้าขายในอดีต และเจริญต่อเนื่องมาอีกร่วม 300 ปี จากตระกูล ROZMBERKS หรือ THE MASTER OF
ROSE และเปลี่ยนมือมาอยู่ในการปกครองของราชวงศ์แฮปสเบิร์กของออสเตรีย-ฮังการี
ตามด้วยภาวะของสงครามและคอมมิวนิสต์ แต่เชสกี้ครุมลอฟ ก็ยังคงความงดงามของตัวเมืองเก่าจนถึงปี1989 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ยกให้เป็นเมืองมรดกโลก
(WORLD HERITAGE CITY)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Old Inn Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า เวียนนา
(ออสเตรีย) พระราชวังเชินบรุนน์
ช้อปปิ้ง - บราติสลาวา (สโลวัค)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ
ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางเข้าสู่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย นครหลวงแห่งออสเตรีย
เมืองแห่งเสียงดนตรี โดยเฉพาะเวียนนาวอลทซ์ที่โด่งดัง เข้าชมความสวยงามภายใน พระราชวังเชินบรุนน์ พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮัปสบวร์กที่ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่17 โดยพระประสงค์ของ พระนางมาเรียเทเรซ่า จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันที่ตั้งพระไทว่าจะสร้างพระราชวังแห่งนี้ให้มีความงดงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ในกรุงปารีส
ด้านหลังของพระราชวังในอดีตเคยใช้เป็นที่ล่าสัตว์ปัจจุบันได้ตกแต่งเป็นสวนและ
น้ำพุอย่างสวยงาม อันเป็นที่มาของชื่อพระราชวังเชินบรุนน์ในอดีตนั้นพระราชินีฝรั่งเศส
มารีอังตัวเนต ได้เคยใช้ชีวิตช่วงวัยเด็ก ณ พระราชวังแห่งนี้ และ
โมสาร์ทยังเคยมาบรรเลงดนตรีจักพรรดินโปเลียนเคยได้เสด็จมาประทับอยู่กับพระราชโอรสของพระองค์สัมผัสความงามอันวิจิตรตระการตาภายในห้องต่างๆ อาทิ ห้องทรงงาน, ห้องบรรทม, ห้องแกลลอรี่,ห้องมิลเลี่ยน, ไชนีสรูม ห้องบอลลูม
ใช้จัดงานเต้นรำ
หรือแสดงดนตรีปัจจุบันยังมีการใช้งานอยู่เป็นครั้งคราวฯลฯท่ามกลางอุทยานสวนดอกไม้นานาพันธุ์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ย่านการค้าใหญ่ของเวียนนาบน ถนนคาร์ทเนอร์ย่านช้อปปิ้งหลักของเวียนนา ซึ่งท่านสามารถใช้เวลาเดินชมสินค้านานาชนิด รวมทั้งแบรนด์เนมแบบนาฬิกาROLEX กระเป๋า LOUIS VUITTON และอีกมากมาย
หรือชมความงามของโบสถ์เซนต์สตีเฟ่นในศิลปะแบบโกธิคใจกลางเมือง
นำท่านเดินทางสู่ กรุงบราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวัค
รวมทั้งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในภูมิภาคยุโรปกลาง มีประชากรประมาณ 450,000คนกรุงบราติสลาวาตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ
ที่บริเวณพรมแดนของสโลวาเกียกับออสเตรียและฮังการี ใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเชก
เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเวียนนาเพียง 50 กิโลเมตร
เป็นนครสำคัญทางการเมือง
เศรษฐกิจและทางวัฒนธรรมของแคว้นสโลวาเกียโบสถ์และสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น
ปราสาทที่เคยใช้เป็นป้อมปราการสมัยโบราณ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Holiday
Inn Bratislava หรือเทียบเท่า
วันที่หก บราติสลาวา (สโลวัค) - บูดาเปสต์
(ฮังการี) ล่องเรือ - ชมเมือง โบสถ์เซนต์แมทเทียส จัตุรัสวีรบุรุษ (ฮังการี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ
ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านผ่านชม หอคอยบราติสลาวา อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองผ่านชมย่านเมืองเก่าซึ่งห่างจากสถานีรถไฟเพียง2 กิโลเมตร อาคารย่านเมืองเก่านี้มีหลังคาสีเขียวเป็นสถาปัตยกกรมบารอก
และถนนหนทางปูหินแบบเมืองหลวงเก่าของยุโรป ชมวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองบราติสลาวาจากเนินปราสาทซึ่งถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของตัวเมือง
เก็บภาพความสวยงามกับปราสาทบราติสลาวา และมีเวลาให้ท่านเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ
อาทิเช่น ผ้าลูกไม้,เครื่องกระเบื้อง ฯลฯ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
ณ ภัตตาคาร
บ่าย ออกเดินทางสู่กรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐฮังการีประเทศที่มากด้วยศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออสโตร-ฮังกาเรียนเมืองที่มี แม่น้ำดานูบ ไหลผ่านกลางเมือง
ซึ่งแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่งที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของประวัติศาสตร์ บูดา และฝั่งที่หรูหราล้ำหน้าสมัยใหม่ด้วยวิทยาการเปสต์ อันเป็นที่มาของชื่อเต็มของเมืองหลวงแห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่นครบูดาเปสต์ นำคณะลงเรือล่องแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายโรแมนติค
มนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ซึ่งนอกจากจะแบ่งประเทศฮังการีทั้งประเทศแล้ว
ยังได้แบ่งนครหลวงแห่งนี้ออกเป็น 2 ซีกด้วย ภายในตัวนครหลวงทั้งสองฝั่งมีสะพานที่สร้างอย่างงดงามทอดข้ามแม่น้ำดานูบเชื่อมติดต่อระหว่างนครหลวงทั้งสองฝั่งเป็นจำนวน8 แห่งนครหลวง
ส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณย่านภูเขาที่เป็นฉากธรรมชาติประดับตัวนครให้เป็นภาพอันน่าประทับใจ
เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของธรรมชาติ และเรือแล่นผ่าน อาคารรัฐสภา เป็นอาคารแบบนีโอโกธิคที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ
และได้รับการยกย่องว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในยุโรปตลอดจนอาคารบ้านเรือนและความเป็นอยู่ของผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำดานูบ เดินทางผ่านชุมชนโรมันโบราณขึ้นไปยังคาสเซิ่ลฮิลล์ (Castle Hill) ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับคฤหาสน์ของกษัตริย์
และโบราณสถานซึ่งยังมีร่องรอยบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ชมป้อมปราการฟิชเชอร์แมนบาสเตียน ที่สะท้อนประวัติศาสตร์การสร้างชาติฮังกาเรียน
สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิต ปกป้องบ้านเมืองในตอนที่ถูกพวกมองโกลรุกรานในปี
ค.ศ. 1241-1242 และบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์แมทเทียส
เป็นโบสถ์สำคัญของเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์
ที่โดดเด่นด้วยยอดโบสถ์อันงดงาม
เคยใช้เป็นที่จัดพิธีสวมมงกุฎแด่กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ นำคณะชม อนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่น ปฐมกษัตริย์ของชาวแมกยาร์ จากนั้นเดินทางต่อสู่จัตุรัสวีรบุรุษปรับปรุงเมื่อ |